วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559

00-ศาสตร์การนวดแผนโบราณ

ย้อนรอยศาสตร์การนวดแผนโบราณ นวดแผนไทย นวดไทย นวดเพื่อสุขภาพ จากชาวบ้านสู่ราชสำนัก

ย้อนรอยศาสตร์การนวดแผนโบราณ

  • "การนวดแผนโบราณ" เป็นศาสตร์มหัศจรรย์และเป็นมรดกอันล้ำค่าที่ควรได้รับการส่งเสริมให้มีการศึกษา และสืบทอดศาสตร์กันในวงกว้าง นับเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจในภูมิปัญญาของบรรพบุรุษของเราสืบมา ประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับ "การนวดแผนโบราณ" ของคนไทยนั้น มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะมีวิวัฒนาการอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมูลเหตุสำคัญมาจากสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตวัฒนธรรมของคนไทย รวมถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของผู้คนในสมัยโบราณ
  • ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สังคมไทยสมัยก่อนมีลักษณะเป็นสังคมเกษตรกรรม ชีวิตประจำวันของชาวบ้านชาววังต้องคลุกคลีอยู่กับการทำสวน ทำนา ทำไร่ ซึ่งแต่ละวันต้องแบบจอบแบบเสียม ต้อนฝูงวัวควายไปในทุ่งนา และต้องทำงานกรำแดดกรำฝนอย่างน้นตลอดวัน เรียกได้ว่าในสมัยโบราณนั้น ผลผลิตแทบทุกอย่างล้วนได้มาจากแรงงานมนุษย์ทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ผู้คนในสมัยก่อนจึงมักปวดเมือยตามเนื้อตามตัวบ่อย ๆ และจะต้องใช้บีบนวด คลึง เค้น กล้ามเนื้อในบริเวณที่มีอาการเจ็บปวดนั้น หรือไม่ก็มีการดัดตัวให้เคลื่อนไหวเป็นรูปแบบต่าง ๆ อาการดังกล่า
  • หลังจากที่ค้นพบว่าการบีบนวดดังกล่าว ช่วนผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อได้ดีหลังการทำงานหนัก ผู้ป่วยเมื่อยจึงเริ่มไหว้วานให้คนในครอบครัว หรือผู้สนิทชิดเชื้อช่วยบีบนวดให้ โดยต่างฝ่ายอาจจะผลัดกันบีบให้กันและกัน แล้วเกิดเป็นความเคยชินให้ต้องปฏิบัติเช่นนี้ต่อไปอีกเรื่อย ๆ เมื่อเกิดอาการเมื่อยล้าขึ้น
  • เมื่อการบีบนวดเนื้อตัวกลายเป็นที่นิยมของคนทั่วไป จึงเริ่มมีการเอามาแนะนำสั่งสอนกันอย่างจริงจังว่า ผู้นวดให้สมควรจะบีบนวดอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายผู้รับการนวดอย่างไรจึงจะเหมาะสมและให้ผลดีมากที่สุดคือ สามารถผ่อนคลายความเมื่อยล้าได้ดี และมากที่สุด จนกระทั่งท้ายที่สุด การจดจำนี้ก็ได้รับการสืบทอดต่อกันมา จนกลายเป็นศาสตร์สำคัญที่สามารถเอาชนะโรคภัยด้วยการบีบนวดจากฝ่ามือมนุษย์ ซึ่งว่านับเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจมาก
  • เล่ากันมาว่า หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณหนึ่งร้อยปีมาก่อนอาชีพ "หมอนวดแผนโบราณ" เป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมมากในสังคมไทย หมอนวดจะมีอยู่ทั่วทุกหัวระแหง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสตรีสูงวัยอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป เวลาจะไปนวดที่ไหนก็มักหิ้วตะกร้าหมากพลูไปด้วย หมอนวดจะนุ่งโจงกระเบนให้ทะมัดทะแมงที่สุด เพราะระหว่างที่นวดจะต้องมีการลุก ๆ  นั่ง ดัดแข้ง ดัดขาให้ลูกค้าอยู่ตลอดเวลา การนุ่งโจงกระเบนจึงเหมาะสมกว่าการนุ่งผ้าถุง หรือผ้าซิ่นมาก
  • หมอนวดจะรับจ้างนวดผู้ที่ต้องการผ่นคลายความเมื่อยล้าไปเรื่อย ๆ โดยจะคิดราคาไม่แพงนัก หมอนวดคนใดมีฝีมือดี จับเส้นเก่ง นวดได้ตรงจุดปวดเมื่อยที่ลูกค้าต้องการจะได้รับการโจษจันไปทั่ว เป็นที่ต้องการของชาวบ้านมาก หมอนวดคนนั้นจะถูกเรียกตัวให้ไปนวดตลอดเวลา ซึ่งหมอนวดฝีมือดีส่วนใหญ่มักได้รับถ่ายทอดวิชาการนวดมาจากบรรพบุรุษและหมั่นฝึกฝนฝีมือการนวดของตนมาเป็นเวลานาน การนวดจับเส้นจึงมักแม่นยำ ตรงจุด และมีประสิทธิภาพเสมอ
ย้อนรอยศาสตร์การนวดแผนโบราณ นวดแผนไทย นวดไทย นวดเพื่อสุขภาพ จากชาวบ้านสู่ราชสำนัก
  • สมัยก่อนนั้น มีหมดนวดที่เป็นที่รู้จักของชาวบ้านมากอยู่สองคนคือ"หมอนวดสายทอง"และ"หมอนวดบาง"
  • หมอนวดบาง เป็นหมอนวดที่ไม่ค่อยมีฝีมือในการนวดนักคือ นวดไม่ได้เรื่อง น้ำหนักมือในการนวดเบาเกินไป จับเส้นไม่ค่อยถูก ไปนวดใครเขาก็ไม่ใคร่จะหายเมื่อย หมอนวดชื่อบางหาลูกค้าได้ยากขึ้น เพราะไม่มีลูกค้าคนใดประทับใจฝีมือนวดของหมอบาง ในเวลาเดียวกัน หมอนวดสายทอง เป็นหมอนวดที่นวดเก่ง มีฝีมือในการนวดดี จับเส้นได้แม่นยำ ผู้ที่ได้มานวดกับหมอนวดสายทอง เมื่อนวดแล้วจะรู้สึกว่าตัวเองเบาหวิว หายปวดเมื่อยเป็นปลิดทิ้ง ผู้คนก็ติดอกติดใจพากันเรียกหาหมอนวดสายทองให้มานวดให้เสมอ หมอนวดสายทองจึงเป็นหมอนวดที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยเงินทองมาก
  • แต่หมอนวดที่มีชื่อเสียง และมีฝีมือในการนวดดีเช่นหมอนวดสายทองนั้น ใช่ว่าจะเรียกตัวมาให้นวดเมื่อไรก็ได้ จะต้องมีการจองวันนวดเอาไว้ล่วงหน้าเสมอ เพราะหมอนวดกลุ่มนี้มักถูกเรียกตัวให้ไปนวดอยู่ตลอดเวลา หากไม่จองล่วงหน้าแล้ว ก็ยากที่หมอนวดจะมีว่างมานวดให้ได้
  • การนวดจะเริ่มกันตั้งแต่เช้าประมาณ 7 โมงเช้า หมอนวดจะมานวดให้ถึงบ้านของผู้ว่าจ้างและมักมาถึงก่อนเวลานัด เจ้าบ้านจะต้องจัดเตรียมที่ทางเอาไว้ให้เรียบร้อย 
  • โดยนำที่นอนบาง ๆ มาปูบนเสื่อ แล้วใช้ผ้าปูที่นอนปูทับลงไปอีกชั้น หาหมอนหนุนศีรษะเตรียมไว้หนึ่งใบ ส่วนตัวเจ้าของบ้านที่จะรับการนวดนั้น ก็ต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมไว้ด้วยเช่นกัน ด้วยการนุ่งผ้าถุงและสวมเสื้อคอกระเช้าตามสบาย 
  • เมื่อถึงเวลานัดหมาย หมอนวดจะเข้าทำการนวดทันที ซึ่งจะเริ่มจากล้างมือก่อนเป็นอันดับแรก บางคนอาจจะกินหมากก่อนหนึ่งคำแล้วเริ่มนวดที่ฝ่าเท้า อุงเท้า หลังเท้า ขึ้นมาที่ข้อเท้า น่อง หน้าแข้ง แล้วเลื่อนขึ้นมาอีกอีกตามวิธีการนวด ทั้งต้นขาอ่อน เอว หน้าท้อง แขน ไหล่ ด้านหลัง สะบักไหล่ จับเส้นตรงสันหลัง ชายโครง เอว สะโพก ท่อนขาอ่อน เรื่อยไปจนทั่วสรรพางค์กาย ในแต่ละขั้นตอนของการนวดนั้น หมอนวดจะต้องทำด้วยความเอาใส่ใจ ค่อย ๆ นวด ไม่ใจร้อน เพื่อให้ผู้ถูกนวดหรือผู้บริการเคลิบเคลิ้ม ผ่อนคลายอารมณ์ความเคร่งเครียด และดื่มด่ำกับความความสุขสบายใจสบายตัวที่ได้รับจากแรงกดแรงนวดของหมอนวดอย่างเต็มที่ นอกจากนี้หมอนวดอาจจะต้องเสริม
ย้อนรอยศาสตร์การนวดแผนโบราณ นวดแผนไทย นวดไทย นวดเพื่อสุขภาพ จากชาวบ้านสู่ราชสำนัก

บริการพิเศษนอกเหนือไปจากการนวดด้วย นั่นก็คือ "การดัดตัว"
  •         ในการนวดแผนโบราณ หรือการนวดเส้นสายที่ดีนั้น ก่อนเสร็จสิ้นการนวดจะต้องมีการ "ดัดตัวดัดตน" ซึ่งหมายถึง การดัดขา ดัดฝ่าเท้า อุ่งเท้า ดัดนิ้วเท้าทั้งสองข้าง ดัดหัวเข่า ดัดแขนทั้งสองข้าง ดัดนิ้วมือทั้งสิบนิ้ว และอาจจะมีการดัดต้นคอเบา ๆ อีกด้วย การดัดตัวดังกล่าวนี้ หมอนวดจะดัดให้ด้วยความนุ่มนวลไม่รุนแรงจนเกิดเป็นอันตรายแก่ผู้ถูกนวด การดัดตัวดัดตนด้วยหลักการการนวดแผนโบราณของไทยเรานั้น นับว่าเป็นสุดยอดของการนวด และการดัดตน ซึ่งยึดรูปแบบมาจากท่าดัดตนของรูปปั้นฤษีดัดตนที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์ ท่าเตียน) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว
  •         ปัจจุบันผู้คนได้ให้ความสนใจกับศาสตร์แห่งการบีบนวดนี้มาก จนถึงขนาดจัดเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนให้แก่ผู้ที่สนใจได้เข้าไปศึกษาอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปใช้ผ่อนคลายให้คนในครอบครัว หรือจะเอไปประกอบเป็นอาชีพนวดแผนโบราณก็ได้ตามอัธยาศัย
  •         ที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งก็คือ บางครั้งผู้นวดจะมีการ "เหยียบ" ด้วยเท้าเป็นการบริการควบคู่ไปกับการ "นวด" ด้วยมือซึ่งการเหยียบในที่นี้คือ การบีบกดด้วยฝ่าเท้า หรือเอาส้นเท้าปักยันลงไปเป็นจังหวะหน่วง ๆ ผู้รับการนวดจะได้ความล้ำลึกของแรงกดที่กดเข้าไปในกล้ามเนื้อมากกว่าการใช้นิ้วมือ สันมือ หรือฝ่ามือมานวดตามปกติ
  •         อย่างไรก็ตามบุคคลที่จะทำการนวดให้แก่ผู้อื่นได้ จะต้องได้รับการฝึกฝนจนชำนาญแล้วในระดับหนึ่ง ซึ่งการฝึกนวดนั้น  ต้องใช้เวลารวมทั้งความอดทนเป็นอันมาก ฉะนั้นหากไม่มีความรักและชอบในศาสตร์ชนิดนี้อย่างจริงจังแล้ว ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จในวิชาการ "นวดแผนโบราณ" นี้ได้

ย้อนรอยศาสตร์การนวดแผนโบราณ นวดแผนไทย นวดไทย นวดเพื่อสุขภาพ จากชาวบ้านสู่ราชสำนัก
"การนวดแผนโบราณในรั้ววัง"
  •         ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการ "นวดแผนโบราณ" มีที่มาจากการนวดให้กันและกันของคนในครอบครัวก่อน จากนั้นก็แพร่กระจายออกไปเป็นที่นิยมของชาวบ้าน จนในที่สุดสรรพคุณอันน่ามหัศจรรย์ของการนวดจึงแพร่เข้าไปสู่สำนักราชวัง ในทำนองว่า "เมื่อใครได้รับการนวดแล้ว ในเวลาไม่นานอาการปวดเมื่อยเนื้อตัว ความเคร่งเครียด และอาการอ่อนล้า ต่าง ๆ ก็จะมลายหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งยังทำให้เลือดลมดี โลหิตไหลเวียนสะดวกไปทั่วสรรพางค์กาย ผู้ถูกนวดก็จะกระปรี้กระเปร่า กระชุ่มกระชวยขึ้นมาในทันทีทันใด ใครที่ผ่านการนวดแล้ว ไม่มีที่จะกล่าวว่าไม่ชอบมีแต่อยากจะนวดอีกเป็นครั้งที่สองที่สาม
  •         เมื่อคำเล่าลือนี้เข้าสู่ในรั้ววัง บรรดาเจ้านายในวังโดยเฉพาะเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินปรารถนาที่จะได้รับการนวดเพื่อผ่อนคลายเช่นนั้นบ้าง และเมื่อได้ลองนวดดูแล้ว ปรากฏว่าต่างพากันติดอกติดใจเป็นอันมาก การนวดแผนโบราณจากชาวบ้านจึงเริ่มแพร่เข้าสู่ในรั้ววังแบบเต็มตัวนับจากนั้น
  •         เมื่อการ "นวดแผนโบราณ" ถูกนำเข้าไปใช้ในวัง รูปแบบการนวดเดิม ๆ ตามประสาชาวบ้านจึงถุกปรับเปลี่ยนเสียยกใหญ่  เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับระดับชั้นของบุคคลและสถานที่ มีการวางตัวหมอนวดที่จะเข้าไปถวายการนวดเป็นพิเศษ โดยหมอนวดที่จะเข้าไปนวดในรั้วได้จะต้องฝึกกิริยามารยาท และฝึกปฏิบัติตนในราชสำนักใหม่ทั้งหมด รวมถึงขั้นตอนและวิธีการนวดก็ต้องปรับตามไปด้วย กล่าวคือหมอนวดที่เข้าวัง จะต้องวางตัวดี ท่าทางการนวดจะต้องสงบเหงี่ยมเรียบร้อย ลำแขนเหยียดตรง ท่วงท่าดี จังหวะการนวดเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ค่อย ๆ บรรจงนวด ไม่นวดแบบหยาบ ๆ เหมือนเวลาที่นวดกันเองในหมู่ชาวบ้าน นอกจากนั้นการนวดในรั้ววังยังได้ตัดวิธีการนวดโดยใช้เท้าเหยียบออกไป เนื่องจากเป็นการไม่เหมาะสมที่จะให้ผู้นวดกระทำเช่นนี้นกับเจ้านายชั้นสูง
  •         ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ทำให้การนวดในรั้ววังมีวิธีปฏิบัติที่ค่อนข้างแตกต่างจาก "การนวดแบบทั่วไป" ของสามัญชน ซึ่งเคยปฏิบัติกันมาก่อนหน้านี้ และนี้เป็นต้นกำหนิดของ "การนวดแบบราชสำนัก" สืบมา
  •         ปัจจุบัน ศาสตร์การ "นวดแผนโบราณ" เป็นวิชาที่เปิดสอนกันอย่างแพร่หลาย แม้แต่ชาวต่างชาติก็ยังให้ความสนใจเข้ามาฝึกเรียนกันถึงในเมืองไทย เพราะทุกวันนี้มนุษย์ต้องเผชิญกับความตึงเครียดทั้งร่างกายและทางจิตใจอยู่เป็นนิจ เมื่อพบหนทางที่จะช่วยคลายทุกข์บำรุงสุขได้ ก็ต้องเร่งขวนขวายหาทางเก็บเกี่ยวมาไว้กับตัว เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วการ "นวดแผนโบราณ" จึงเป็นที่นิยมของทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศอย่างรวดเร็ว
ย้อนรอยศาสตร์การนวดแผนโบราณ นวดแผนไทย นวดไทย นวดเพื่อสุขภาพ จากชาวบ้านสู่ราชสำนัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น