4.อัลฟัลฟาพลัส(Alfalfaplus)
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
อัลฟัลฟ้าพลัส ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ใน 1 แคปซูล ประกอบด้วย สารสกัดอัลฟัลฟ่า 120 มก.(13.40%)
ผลการศึกษา
- เคลป์ 0.94 มก. (0.1%)Alfalfaหรือที่เรียกกันว่า Medicago Sativaจัดอยู่ในหมู่ไม้จำพวกมีฝัก เช่นเดียวกับตระกูลถั่ว ไม่ใช่หญ้าเหมือนอย่างที่หลายคนเข้าใจ อัลฟัลฟาถูกค้นพบครั้งแรกโดยชาวอาหรับในสมัยโบราณ ซึ่งขนานนามพืชชนิดนี้ว่า “บิดาแห่งอาหารทั้งปวง” มีการอ้างถึงประโยชน์ต่อร่างกายมาแต่โบราณ โดยไม่ค่อยจะมีเอกสารอ้างอิงเท่าไร หลายคนเรียกอัลฟัลฟาเป็น “ยอดแห่งยารักษา” ใบอัลฟัลฟาอุดมไปด้วยเกลือแร่และสารอาหารต่าง ๆ รวมทั้งแคลเซียม แมกนีเซียม โปตัสเซียม เบต้าแคโรทีน และกรดอะมิโน 8 ชนิดมากมายเช่นโปตัสเซียม, เหล็ก, สังกะสี, แคลเซียมที่มีประโยชน์ต่อกระดูกและฟันหรือภาวะกระดูกกร่อน (Osteoporosis)ในสตรีวัยหมดประจำเดือนเนื่องจากเอสโตเจนจะลดต่ำลงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายและเกิดภาวะกระดูกเสื่อม ไฟโต-เอสโตรเจนในอัลฟัลฟาจะเข้าไปชดเชยเอสโตเจนที่ต่ำลงนี้จึงช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะกระดูกเสื่อม,สารฟลูออไรด์จากธรรมชาติ (Natural Fluoride)ที่ช่วยลดการทำลายฟันจากแบคทีเรียต่างๆในช่องปากจึงทำให้ฟันแข็งแรง, เอ็นไซม์ เบต้าอีน (Betaine Enzyme) ซึ่งเป็นเอ็นไซน์สำหรับย่อยและเอ็นไซน์อื่นๆอีก 7 ชนิดที่ส่งเสริมปฏิกิริยาเคมี ที่สามารถทำให้การดูดซึมสารอาหารภายในร่างกาย เป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมทั้งมีเบต้าแคโรทีน ( Beta-carotene ) ที่จะช่วยให้ผิวที่เคลือบกระเพาะอาหารมีความแข็งแรง บรรเทาอาการของโรคกระเพาะอาหาร ลดการปวดท้องเพราะมีแก๊สมาก รักษาแผลในกระเพาะและลำไส้ พร้อมทั้งมีผลเป็นสารต้านการเกิดปฏิกิริยาอ๊อกซิแดนซ์(Anti-oxidant) ที่ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง,สารคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ที่จะพบในปริมาณสูงซึ่งมีผลในการกำจัดสารพิษและสารแปลกปลอมต่างๆในเลือดทำให้เลือดสะอาด ลดการสะสมของยาหรือสารที่เป็นอันตรายพร้อมทั้งมีผลในการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงให้มากขึ้นทำให้ร่างกายรู้สึกแข็งแรงและกระปรี้กระเปร่าอัลฟัลฟาให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังเช่น ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ โรคไขข้ออักเสบ มีประโยชน์ต่อการรักษาอาการผิดปกติของกระเพาะอาหาร เช่น แผลในกระเพาะ และอาการปวดท้องเนื่องจากลมในกระเพาะ ช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหาร มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ และช่วยขับปัสสาวะในปัจจุบันใบอัลฟัลฟาและอัลฟัลฟาสกัด มีจำหน่ายในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
- เคลป์ (Kelp)เป็นสาหร่ายทะเลสีน้ำตาลจัดอยู่ในตระกูลลามินาเรีย(Laminaria) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Laminaria religiosa เป็นสาหร่ายที่มีใบขนาดใหญ่ลักษณะแบนบางและยาว เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มนุษย์ได้ใช้สาหร่ายทะเลเป็นอาหารมานับพันปีแล้ว เซท (SZE TEU) เคยเขียนไว้ในปี พ.ศ. 600 ว่า “สาหร่ายทะเลเป็นอาหารพิเศษที่สุดที่เหมาะกับแขกผู้มีเกียรติที่สุด ถึงระดับพระมหากษัตริย์ ”สาหร่ายถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร เครื่องสำอาง ยา และสินค้าต่าง ๆ สาหร่ายมีใช้มานานในยาแผนโบราณหลายชนิด
ส่วนประกอบที่สำคัญของเคลป์ ได้แก่
- โปรตีน และคลอโรฟิลล์
- คาร์โบไฮเดรต
- เป็นแหล่งรวมของวิตามิน B รวม ( B1, B2, B3, B6, B12 ) วิตามิน E, D, K, และเบต้าแคโรทีน
- แร่ธาตุต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่
- ฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของฟันและกระดูก
- เหล็ก ป้องกันโรคโลหิตจางลดอาการอ่อนเพลียและทำให้ผิวเปล่งปลั่ง
- โปตัสเซียม ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ ปรับสมดุลย์ของน้ำในร่างกาย
- แคลเซียมและแมกนีเซียม ช่วยบำรุงสุขภาพของเส้นผม เล็บ ฟันและกระดูกและรวมไปถึงระบบประสาทต่าง ๆ
- ไอโอดีน ช่วยป้องกันและรักษาโรคคอหอยพอก
- กรดไขมันแกมมาไลโนเลนิค
ประโยชน์ของเคลป์หรือสาหร่ายทะเล
- ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อสมองและส่วนที่ห่อหุ้มสมองรวมไปถึงเนื้อเยื่อไขสันหลังให้ดีขึ้น
- ช่วยยับยั้งผมร่วงกระตุ้นผมให้งอกและมีสีดำขึ้นโดยการให้สารอาหารกับรากผมทำให้เม็ดสีเพิ่มขึ้นและทำให้ผมดำขึ้น ทั้งยังช่วยทางด้านกระดูกและเล็บด้วย
- ช่วยลดกรดเมื่อท้องอืดท้องเฟ้อและเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาท้องผูก
- ช่วยรักษาการอักเสบของผนังกระเพาะและแผลในกระเพาะอาหารของผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ
- ช่วยเผาผลาญโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดลดคอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเส้นเลือด
- ช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้น โดยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลส์ใหม่และช่วยป้องกันไม่ให้บาดแผลติดเชื้อ
- ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โดยการกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทาน
- ช่วยลดอาการปวดตามข้อ,ข้ออักเสบและช่วยแก้ปัญหาหลอดเลือดขอด
- เหมาะสำหรับคนที่ขาดแร่ธาตุอาหารต่าง ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น