การนวดแผนโบราณ
จากชาวบ้าน-สู่ราชสำนัก
จากชาวบ้าน-สู่ราชสำนัก
- "การนวดแผนโบราณ" เป็นศาสตร์มหัศจรรย์และเป็นมรดกอันล้ำค่าที่ควรได้รับการส่งเสริมให้มีการศึกษา และสืบทอดศาสตร์กันในวงกว้าง นับเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจในภูมิปัญญาของบรรพบุรุษของเราสืบมา
- ประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับ "การนวดแผนโบราณ" ของคนไทยนั้น มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะมีวิวัฒนาการอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- โดยมูลเหตุสำคัญมาจากสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตวัฒนธรรมของคนไทย รวมถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของผู้คนในสมัยโบราณ
- ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สังคมไทยสมัยก่อนมีลักษณะเป็นสังคมเกษตรกรรม ชีวิตประจำวันของชาวบ้านชาววังต้องคลุกคลีอยู่กับการทำสวน ทำนา ทำไร่
- ซึ่งแต่ละวันต้องแบบจอบแบบเสียม ต้อนฝูงวัวควายไปในทุ่งนา และต้องทำงานกรำแดดกรำฝนอย่างน้นตลอดวัน เรียกได้ว่าในสมัยโบราณนั้น ผลผลิตแทบทุกอย่าง ล้วนได้มาจากแรงงานมนุษย์ทั้งสิ้น
- ด้วยเหตุนี้ผู้คนในสมัยก่อนจึงมักปวดเมือยตามเนื้อตามตัวบ่อยๆ และจะต้องใช้บีบนวด คลึง เค้นกล้ามเนื้อในบริเวณที่มีอาการเจ็บปวดนั้น หรือไม่ก็มีการดัดตัวให้เคลื่อนไหวเป็นรูปแบบต่าง ๆอาการดังกล่าวจึงพอทุเลาลงได้
- หลังจากที่ค้นพบว่าการบีบนวดดังกล่าว ช่วนผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อได้ดีหลังการทำงานหนัก ผู้ป่วยเมื่อยจึงเริ่มไหว้วานให้คนในครอบครัว หรือผู้สนิทชิดเชื้อช่วยบีบนวดให้
- โดยต่างฝ่ายอาจจะผลัดกันบีบให้กันและกัน แล้วเกิดเป็นความเคยชินให้ต้องปฏิบัติเช่นนี้ต่อไปอีกเรื่อย ๆ เมื่อเกิดอาการเมื่อยล้าขึ้น
- เมื่อการบีบนวดเนื้อตัวกลายเป็นที่นิยมของคนทั่วไป จึงเริ่มมีการเอามาแนะนำสั่งสอนกันอย่างจริงจังว่า ผู้นวดให้สมควรจะบีบนวดอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- ผู้รับการนวดอย่างไรจึงจะเหมาะสมและให้ผลดีมากที่สุดคือ สามารถผ่อนคลายความเมื่อยล้าได้ดี และมากที่สุด
- จนกระทั่งท้ายที่สุด การจดจำนี้ก็ได้รับการสืบทอดต่อกันมา จนกลายเป็นศาสตร์สำคัญที่สามารถเอาชนะโรคภัยด้วยการบีบนวดจากฝ่ามือมนุษย์ ซึ่งว่านับเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจมาก
- เล่ากันมาว่า หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณหนึ่งร้อยปีมาก่อนอาชีพ "หมอนวดแผนโบราณ"เป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมมากในสังคมไทย หมอนวดจะมีอยู่ทั่วทุกหัวระแหง
- ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสตรีสูงวัยอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป เวลาจะไปนวดที่ไหนก็มักหิ้วตะกร้าหมากพลูไปด้วย หมอนวดจะนุ่งโจงกระเบนให้ทะมัดทะแมงที่สุด
- เพราะระหว่างที่นวดจะต้องมีการลุกๆ นั่ง ดัดแข้ง ดัดขาให้ลูกค้าอยู่ตลอดเวลา การนุ่งโจงกระเบนจึงเหมาะสมกว่าการนุ่งผ้าถุง หรือผ้าซิ่นมาก
- หมอนวดจะรับจ้างนวดผู้ที่ต้องการผ่นคลายความเมื่อยล้าไปเรื่อย ๆ โดยจะคิดราคาไม่แพงนัก หมอนวดคนใดมีฝีมือดี จับเส้นเก่ง นวดได้ตรงจุดปวดเมื่อยที่ลูกค้าต้องการ จะได้รับการโจษจันไปทั่ว เป็นที่ต้องการของชาวบ้านมาก
- หมอนวดคนนั้นจะถูกเรียกตัวให้ไปนวดตลอดเวลา ซึ่งหมอนวดฝีมือดีส่วนใหญ่มักได้รับถ่ายทอดวิชาการนวดมาจากบรรพบุรุษ และหมั่นฝึกฝนฝีมือการนวดของตนมาเป็นเวลานาน การนวดจับเส้นจึงมักแม่นยำ ตรงจุด และมีประสิทธิภาพเสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น