วันพุธที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2560

6. แคลเซียม พลัส CALCIUMPLUS

 แคลเซียม พลัส    CALCIUMPLUS     ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

 แคลเซียมพลัส ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
น 1 เม็ดประกอบด้วย
 แคลเซียม                                   333      มก. (73.93%)                    แมกนีเซียม                                133      มก. (17.93%)                          สังกะสี                                             7      มก. (4.05%)
ผลการศึกษา
                ชีวิตประจำวัน  และพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เร่งรีบในแต่ละวัน ส่งผลให้ร่างกายเราได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติดังนั้นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงมีบทบาทในการช่วยเสริมให้ร่างกายได้รับสารอาหารและแร่ธาตุต่างๆ ให้เพียงพอเพื่อช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายแข็งแรงเช่นกัน  แคลเซียม  แมกนีเซียม และคีเลต ซิงค์  เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่รวมแร่ธาตุสำคัญต่อร่างกายทั้งสามชนิดเข้าด้วยกันเพื่อความสะดวกในการรับประทาน(Calcium) แคลเซียม เป็นแร่ธาตุหลักที่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของร่างกาย และโดยส่วนใหญ่จะสะสมที่กระดูกและฟัน การขาดแคลเซียมจะมีผลทำให้เกิดปัญหากระดูกพรุนและเสื่อม ระบบการทำงานของต่อมพาราไทรอยด์ผิดปกติ และนอกจากนี้อาจมีผลทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) รวมทั้งโรคลมบ้าหมูอีกด้วย การได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอในเด็กจะส่งผลให้เด็กตัวเตี้ยแคระ กระดูกเปราะบาง เกิดความผิดปกติของกระดูกได้ง่าย เช่น แขนขาโก่ง กระดูกสันหลังคด เป็นต้น นอกจากกระดูกและฟันแล้ว   เรายังพบ
แคลเซียมในเนื้อเยื่อและในน้ำระหว่างเซลล์ ซึ่งจะทำหน้าที่ควบคุมการยืดหดตัวของกล้ามเนื้อ ช่วยในการแข็งตัวของเลือดและการทำงานของน้ำย่อยในระบบทางเดินอาหารด้วย
            (Magnesium) แมกนีเซียม ก็เป็นแร่ธาตุหลักที่สำคัญต่อร่างกายอีกชนิดหนึ่งเช่นกัน ร่างกายจะสะสมแมกนีเซียมที่กระดูกและฟันเช่นเดียวกับแคลเซียม  จากการศึกษาพบว่า  ถ้าระดับแมกนีเซียมในเลือดและเนื้อเยื่อลดต่ำลงจะส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และนิ่วที่ไตได้    เราสามารถพบแมกนีเซียมในอาหารจำพวก
ถั่ว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผักสีเขียว ผลอโวคาโด  และอาหารทะเล บทบาทของแมกนีเซียมต่อแคลเซียม แมกนีเซียมจะช่วยให้แคลเซียมผ่านเข้าสู่กระดูกได้ดียิ่งขึ้น  ส่งผลให้กระดูกมีความหนาแน่น  ทำให้กระดูกแข็งแรงไม่เปราะบาง นอกจากนี้  แมกนีเซียมยังช่วยบรรเทาอาการของโรคไมเกรน ลดอาการผิดปกติก่อนมีรอบเดือน  ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ    โดยช่วยให้ระบบการทำงานของหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดทั่วไปทำงานปกติ แมกนีเซียมยังมีผลต่อการทำงานของเอ็นไซม์ซึ่งมีผลในการช่วยสร้างพลังงานอีกด้วย
            (Chelated Zinc) คีเลต ซิงค์ หรือแร่ธาตุสังกะสี ที่ร่างกายควรได้รับ 15 มก. ต่อวัน   มีบทบาทสำคัญต่อร่างกายหลายประการ  อย่างเช่นในด้านความสวยความงาม   ซึ่งซิงค์มีผลต่อการช่วยลดอาการอักเสบของสิว ช่วยป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งเป็นสาเหตุของสิวอักเสบ   ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังทำให้แผลหายเร็วขึ้น   และช่วยลดการเกิดแผลเป็นจากสิวอีกด้วย   นอกจากนี้ซิงค์ยังเป็นส่วนประกอบของเล็บมือและเล็บเท้า  ช่วยให้เล็บแข็งแรง เงางามและยาวสม่ำเสมอ  ซิงค์ยังมีคุณสมบัติช่วยป้องกันและยับยั้งปัญหาผมร่วง ทำให้รากผมแข็งแรง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบาง ผมร่วง   สำหรับผู้ที่เบื่ออาหารซิงค์จะช่วยให้ระบบการรับรู้กลิ่นและรสทำงานเป็นปกติ  ช่วยให้การรับภาพของจอตาในผู้สูงอายุดีขึ้น ช่วยป้องกันสารพิษเข้าสู่ตับ  ซิงค์มีผลต่อการทำงานของต่อมลูกหมากในชาย    ป้องกันภาวะต่อมลูกหมากโต ช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย   ช่วยเพิ่มสมรรถนะและความต้องการทางเพศในผู้ชาย   ปรับระบบสืบพันธุ์ให้สมดุลย์  ลดภาวะการเป็นหมัน  เราสามารถพบซิงค์ในอาหารจำพวกหอย  เช่น หอยนางรม  หอยเชลล์ใหญ่ ปลาเฮอร์ริ่ง เนื้อวัว เนื้อไก่ เครื่องในสัตว์ ตับวัว และเนยแข็ง ซิงค์ที่อยู่ในรูปของ คีเลตซิงค์ (Chelate Zinc) จะมีประสิทธิภาพในการถูกดูดซึมได้ดีกว่าซิงค์ประเภทอื่น

5.อัลฟัลฟาพลัส(Alfalfaplus)


4.อัลฟัลฟาพลัส(Alfalfaplus)
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
      อัลฟัลฟ้าพลัส ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
น 1 แคปซูล ประกอบด้วย                                                                      สารสกัดอัลฟัลฟ่า                            120 มก.(13.40%)
ผลการศึกษา
  • เคลป์ 0.94 มก. (0.1%)Alfalfaหรือที่เรียกกันว่า Medicago Sativaจัดอยู่ในหมู่ไม้จำพวกมีฝัก เช่นเดียวกับตระกูลถั่ว ไม่ใช่หญ้าเหมือนอย่างที่หลายคนเข้าใจ อัลฟัลฟาถูกค้นพบครั้งแรกโดยชาวอาหรับในสมัยโบราณ ซึ่งขนานนามพืชชนิดนี้ว่า บิดาแห่งอาหารทั้งปวง มีการอ้างถึงประโยชน์ต่อร่างกายมาแต่โบราณ   โดยไม่ค่อยจะมีเอกสารอ้างอิงเท่าไร หลายคนเรียกอัลฟัลฟาเป็น ยอดแห่งยารักษา ใบอัลฟัลฟาอุดมไปด้วยเกลือแร่และสารอาหารต่าง ๆ  รวมทั้งแคลเซียม  แมกนีเซียม  โปตัสเซียม  เบต้าแคโรทีน   และกรดอะมิโน 8 ชนิดมากมายเช่นโปตัสเซียม,  เหล็ก,  สังกะสี,  แคลเซียมที่มีประโยชน์ต่อกระดูกและฟันหรือภาวะกระดูกกร่อน (Osteoporosis)ในสตรีวัยหมดประจำเดือนเนื่องจากเอสโตเจนจะลดต่ำลงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายและเกิดภาวะกระดูกเสื่อม ไฟโต-เอสโตรเจนในอัลฟัลฟาจะเข้าไปชดเชยเอสโตเจนที่ต่ำลงนี้จึงช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะกระดูกเสื่อม,สารฟลูออไรด์จากธรรมชาติ (Natural Fluoride)ที่ช่วยลดการทำลายฟันจากแบคทีเรียต่างๆในช่องปากจึงทำให้ฟันแข็งแรง, เอ็นไซม์ เบต้าอีน (Betaine Enzyme) ซึ่งเป็นเอ็นไซน์สำหรับย่อยและเอ็นไซน์อื่นๆอีก 7 ชนิดที่ส่งเสริมปฏิกิริยาเคมี  ที่สามารถทำให้การดูดซึมสารอาหารภายในร่างกาย   เป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม  รวมทั้งมีเบต้าแคโรทีน Beta-carotene ) ที่จะช่วยให้ผิวที่เคลือบกระเพาะอาหารมีความแข็งแรง บรรเทาอาการของโรคกระเพาะอาหาร ลดการปวดท้องเพราะมีแก๊สมาก รักษาแผลในกระเพาะและลำไส้    พร้อมทั้งมีผลเป็นสารต้านการเกิดปฏิกิริยาอ๊อกซิแดนซ์(Anti-oxidant) ที่ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง,สารคลอโรฟิลล์ (Chlorophyllที่จะพบในปริมาณสูงซึ่งมีผลในการกำจัดสารพิษและสารแปลกปลอมต่างๆในเลือดทำให้เลือดสะอาด ลดการสะสมของยาหรือสารที่เป็นอันตรายพร้อมทั้งมีผลในการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงให้มากขึ้นทำให้ร่างกายรู้สึกแข็งแรงและกระปรี้กระเปร่าอัลฟัลฟาให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังเช่น ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ โรคไขข้ออักเสบ มีประโยชน์ต่อการรักษาอาการผิดปกติของกระเพาะอาหาร เช่น แผลในกระเพาะ และอาการปวดท้องเนื่องจากลมในกระเพาะ ช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหาร มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ และช่วยขับปัสสาวะในปัจจุบันใบอัลฟัลฟาและอัลฟัลฟาสกัด มีจำหน่ายในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
  • เคลป์ (Kelp)เป็นสาหร่ายทะเลสีน้ำตาลจัดอยู่ในตระกูลลามินาเรีย(Laminaria) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า  Laminaria religiosa  เป็นสาหร่ายที่มีใบขนาดใหญ่ลักษณะแบนบางและยาว  เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มนุษย์ได้ใช้สาหร่ายทะเลเป็นอาหารมานับพันปีแล้ว เซท (SZE TEU) เคยเขียนไว้ในปี พ.. 600 ว่า  สาหร่ายทะเลเป็นอาหารพิเศษที่สุดที่เหมาะกับแขกผู้มีเกียรติที่สุด ถึงระดับพระมหากษัตริย์ สาหร่ายถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร เครื่องสำอาง ยา และสินค้าต่าง ๆ สาหร่ายมีใช้มานานในยาแผนโบราณหลายชนิด 

ส่วนประกอบที่สำคัญของเคลป์ ได้แก่
  1. โปรตีน และคลอโรฟิลล์
  2. คาร์โบไฮเดรต
  3. เป็นแหล่งรวมของวิตามิน B รวม ( B1, B2, B3, B6, B12 ) วิตามิน E, D, K, และเบต้าแคโรทีน
  4. แร่ธาตุต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่
-          ฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของฟันและกระดูก
-          เหล็ก ป้องกันโรคโลหิตจางลดอาการอ่อนเพลียและทำให้ผิวเปล่งปลั่ง
-          โปตัสเซียม ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ ปรับสมดุลย์ของน้ำในร่างกาย
-          แคลเซียมและแมกนีเซียม ช่วยบำรุงสุขภาพของเส้นผม เล็บ ฟันและกระดูกและรวมไปถึงระบบประสาทต่าง ๆ
-          ไอโอดีน ช่วยป้องกันและรักษาโรคคอหอยพอก
  1. กรดไขมันแกมมาไลโนเลนิค
ประโยชน์ของเคลป์หรือสาหร่ายทะเล

  • ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อสมองและส่วนที่ห่อหุ้มสมองรวมไปถึงเนื้อเยื่อไขสันหลังให้ดีขึ้น
  • ช่วยยับยั้งผมร่วงกระตุ้นผมให้งอกและมีสีดำขึ้นโดยการให้สารอาหารกับรากผมทำให้เม็ดสีเพิ่มขึ้นและทำให้ผมดำขึ้น ทั้งยังช่วยทางด้านกระดูกและเล็บด้วย
  • ช่วยลดกรดเมื่อท้องอืดท้องเฟ้อและเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาท้องผูก
  • ช่วยรักษาการอักเสบของผนังกระเพาะและแผลในกระเพาะอาหารของผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ
  • ช่วยเผาผลาญโปรตีน  ไขมัน  คาร์โบไฮเดรต  เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
  • ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดลดคอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเส้นเลือด
  • ช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้น โดยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลส์ใหม่และช่วยป้องกันไม่ให้บาดแผลติดเชื้อ
  • ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โดยการกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทาน
  • ช่วยลดอาการปวดตามข้อ,ข้ออักเสบและช่วยแก้ปัญหาหลอดเลือดขอด
  1. เหมาะสำหรับคนที่ขาดแร่ธาตุอาหารต่าง ๆ 

4.โอเมก้า 3 OMEGA 3


3.โอเมก้า 3    OMEGA 3
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
 ใน 1 แคปซูล มีน้ำมันปลา 1,000 มก.ประกอบด้วย                              
  • กรดไขมันไม่อิ่มตัว กรดไอโคซาเพนทาอิก (อีพีเอ)          180   มก.  
  • กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก(ดีเอชเอ)                                            120   มก.  
  • กรดไขมันไม่อิ่มตัว                                                                  0   มก. 
  • โคเลสเตอรอล                                                                          0  มก.
  • วิตามินอี                                        5    หน่วยสากล                                

ส่วนประกอบที่สำคัญ น้ำมันจากปลาแม๊กเคอเรล 75%
 โอเมก้า 3
เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่เป็นน้ำมันเหลวใส สีน้ำตาลอ่อน สกัดได้จากปลาทะเล (โดยมากเป็นปลาแมคเคอเรล ปลาเซลมอน และมีที่สกัดจากปลาซาร์ดีน) ผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์และบรรจุในแคปซูลนิ่ม ใส ไม่มีสี ปราศจากการปรุงแต่งด้วยสี กลิ่น รส หรือสารอื่นใด
ส่วนประกอบสำคัญ   ในน้ำมันปลาโอเมก้า 3 : 1 แคปซูล
                        น้ำมันปลาเข้มข้น          1,000   มิลลิกรัม
                        คอเลสเตอรอล                     0   มิลลิกรัม
                          วิตามิน E                            5   IU   
            ในน้ำมันปลานี้จะอุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็น ซึ่งร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาได้เอง กรดไขมันจำเป็นชนิดนี้เป็นกรดไขมันประเภทไม่อิ่มตัว มีชื่อเรียกว่า โอเมก้า 3 โอเมก้า 3 สามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ
                        1. กรดไอโคซาเพนตะอีโนอิก หรือ EPA      180  มิลลิกรัม
                        2. กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก หรือ DHA      120  มิลลิกรัม
     ผลการศึกษา
             โอเมก้า 3 มีคุณสมบัติดังนี้
                1. มีผลลดไขมันในเลือด ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง
            2. ช่วยเพิ่มคุณค่าทางอาหารให้ครบถ้วน การที่โอเมก้า 3 สามารถลดไขมันซึ่งเกิดจากการที่ ดีเอชเอ (DHA) และ อีพีเอ (EPA) ลดการสร้างไขมัน โดยยับยั้งการทำงานของน้ำย่อยในตับที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสังเคราะห์ไขมัน นอกจากนี้ โอเมก้า 3 ยังช่วยเพิ่มปริมาณของเอชดีแอล (HDL) ซึ่งจะทำให้มีคอเลสเตอรอลในเลือด และคอเลสเตอรอลที่เกาะอยู่บริเวณผนังหลอดเลือดกลับสู่ตับ และเปลี่ยนเป็นน้ำดีเพื่อขับออกนอกร่างกาย
            3. บำรุงสมองให้ความจำดีขึ้น เชื่อว่าเป็นผลจากการที่สาร ดีเอชเอ (DHA) ผ่านเข้าไปในสมองและเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาทที่เดนไดรท์ (Dendrite) ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณและผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน ทำให้เกิดประสิทธ์ภาพ
ในการเก็บความจำและการเรียนรู้ จากผลการทดลองในสัตว์พบว่า ถ้าปริมาณดีเอชเอ (DHA) ในสมองลดลง ความจำและความสามารถในการรับรู้จะลดลงด้วย
            4. บรรเทาอาการปวดบวมของโรคข้ออักเสบ เนื่องจากสารดีเอชเอ (DHA) และอีพีเอ (EPA) ลดการสร้างสารก่อให้เกิดการอักเสบที่ชื่อว่า ลิวโคไตรอีน (LEUKOTRIENES) ซึ่งเราสามารถใช้โอเมก้า 3 เป็นอาหารเสริม ซึ่งอาจใช้ร่วมกับยารักษาโรคข้ออักเสบได้
          5. วิตามินอีช่วยลดการสูญเสียน้ำผ่านทางหนังกำพร้า ซึ่งเป็นการบวนการที่ทำให้ผิวหนังแห้ง ในขณะที่วิตามินอี และวิตามินซีป้องกันการเสียหาย อันเนื่องมาจากแสงแดด  

3.คอลลาเจน พลัส COLLAGEN PLUS


2.คอลลาเจน พลัส  COLLAGEN PLUS
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ใน 1 แคปซูล ประกอบด้วย 
  •  คอลลาเจน ไฮโตรไลเซท                      350    มก. (55.12%)                
  • โปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง                        80    มก. (12.60%)              
  • วิตามิน ซี                                                   20    มก. (3.15%)                  
  • สารสกัดจากเปลือกสน                            20    มก. (3.15%)                  
  • สารสกัดจากใบชาเขียว                           20    มก. (3.15%)                
  • สารสกัดจากมะเขือเทศ                            10   มก. (1.57%)                
  • แอล กูเทไธโอน                                         10   มก. (1.57%)                
  • โคคิวเทน                                                     5    มก. (0.79%)                
  • วิตามิน อี                                                     7.5 ไอยู (18.9%)

คอลลาเจน ไฮโดรไลเซท  (Collagen Plus)   มีส่วนประกอบของโปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง สารสกัดจากเปลือกสน วิตามินซี สารสกัดจากมะเขือเทศ แอล-กลูตาไธโอน โคคิว เท็น วิตามินอี

ผลการศึกษา
       เนื้อเยื่อคอลลาเจนและอีลาสตินจะค่อย ๆ เสื่อมสลายลงโดยธรรมชาติซึ่งร่างกายของคนเราสามารถสร้างเนื้อเยื่อทั้ง 2 ชนิด ทดแทนส่วนที่สลายไปได้ แต่เมื่ออายุย่างเข้าสู่ปีที่  25  ร่างกายจะมีความสามารถในการสร้างเนื้อเยื่อทั้ง 2 ชนิด นี้ลดลง  ซึ่งจะมีผลทำให้ผิวพรรณเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น  ด่างดำ  และหมองคล้ำ ในการที่จะคงสภาพคอลลาเจนและอีลาสตินให้มีความสมบูรณ์ตลอดเวลาจึงต้องมีการเสริมสร้างเพื่อให้ความสามารถในการสร้างเนื้อเยื่อทั้ง 2 ชนิด เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
            คอลลาเจน  ไฮโดรไลเซท  (Collagen Hydrolysate) เป็นสารอาหารที่ให้คุณค่าโปรตีนจากปลาทะเลน้ำลึกช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนและอิลาสตินผิวให้แข็งแรงไม่เหี่ยวย่นรอบดวงตา ร่องแก้ม รวมทั้งยังเพิ่ม
ความสามารถในการอุ้มน้ำของชั้นผิวซึ่งทำให้ผิวพรรณเกิดความชุ่มชื่น ส่งผลทำให้ผิวเปล่งปลั่งและกระชับ ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
            โปรตีนจากถั่วเหลือง  (Soy Protein Isolate)   ให้สารไอโซฟลาโวน เพื่อช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพผิวให้ดียิ่งขึ้นและให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวไม่แห้งกร้านจึงทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
วิตามิน ซี  (VITAMIN C) สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยสร้างคอลลาเจน และอิลาสติน ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรง ช่วยลดการเสื่อมของเซลล์และปรับสภาพสีผิว ช่วยส่งผลในการดูแลสุขภาพผิวให้ดีมากยิ่งขึ้น
            สารสกัดจากเปลือกสน  (Pine Bark Extract) สารสกัดจากเปลือกสนที่เป็น Antioxidant ต่อต้านอนุมูลอิสระสามารถสร้างความสมดุลแก่เซลล์ผิวหนังให้ปกติ จากผลวิจัยการรักษาฝ้า ด้วยสารสกัดจากเปลือกสน พบว่าความเข้มข้นของฝ้าจะจางลงและเลื่อนหายไปเมื่อรับประทานอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวพรรณมีความยืดหยุ่นดีขึ้นรวมทั้งควบคุมการสร้างสีผิวเพื่อให้ดูสดใสมากยิ่งขึ้น
สารสกัดจากใบชาเขียว (Green Tea Extract) มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานและไขมันได้มากขึ้นช่วยไม่ให้แป้งและน้ำตาลส่วนเกินเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกายจึงทำให้ไขมันลดลง อีกทั้งยังมีสารแอนตี้ออกซิเด้นซ์และสารแคททิซินที่ช่วย เพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน ของร่างกาย สารสกัดชาเขียวในการลดน้ำหนักมีคุณสมบัติที่สำคัญอีกประการ หนึ่งก็คือไม่ไปเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ นับได้ว่าเป็นการช่วยลดไขมันหรือลดน้ำหนักที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ยับยั้งการผลิตเม็ดสีผิวดำ และเพิ่มการผลิตเม็ดสีเมลานินที่มีสีขาวนวลผุผ่องแทนเม็ดสีเมลานินที่มีสีดำ ซึ่งยังมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสี UV ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้ผิวดำและหมองคล้ำ และแอล-กลูตาไธโอนยังช่วยในการกระตุ้นการทำงานของวิตามินซีให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สารสกัดจากมะเขือเทศ  (Tomato Extract) มีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB จึงป้องกันไม่ให้ผิวหมองคล้ำ เสริมสร้างการทำงานของเบต้าแคโรทีน และวิตามิน ช่วยเพิ่มความขาวใสให้มากยิ่งขึ้น
โคคิวเท็น  (Coenzyme Q10) เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันรังสี UVA ช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรงมากขึ้น และยังช่วยลดริ้วรอยก่อนวัย
            วิตามิน อี (Vitamin E) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีประสิทธิภาพสูง และยังมีคุณสมบัติบำรุงเซลล์ผิว และวิตามินอี ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น



2.กิงโก พลัส GINKGO PLUS


1.กิงโก พลัส GINKGO PLUS
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

ใน 1 แคปซูล ประกอบด้วย
สารสกัดจากใบแป๊ะก๊วย              119.5  มก. (29.88%)
สารสกัดจากเมล็ดองุ่น                  60.0  มก. (15%)
โคเอ็นไซม์ คิวเท็น                         30.0  มก. (7.50%)

กิงโก ไบโลบา คืออะไร

            กิงโกหรือต้นกิงโกะมีชื่อทางการวิทยาศาสตร์ว่า ginkgoflavoglycosides กิงโกจัดเป็นพืชยืนต้นที่เก่าแก่ที่สุดพันธุ์หนึ่ง ซึ่งมีมากว่า 2,000 ล้านปีแล้ว อายุของกิงโกต้นหนึ่งอาจมีอายุได้ถึง 1,000 ปี ลักษณะใบของกิงโกจะแยกเป็นแฉกคล้ายกับใบพัดของพัดลม ชาวจีนเป็นชนกลุ่มแรกที่รู้จักการนำใบหรือต้นกิงโกมาใช้ประโยชน์ในการรักษาโรค เช่น โรคที่เกี่ยวกับระบบสมอง, ระบบทางเดินหายใจ และระบบการหมุนเวียนโลหิตในร่ายกาย นอกจากนี้ยังพบว่ามีแพทย์ชาวยุโรปได้นำพืชชนิดนี้ไปสกัดทำเป็นยาและมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยพบว่ามีแพทย์ในยุโรปได้เขียนใบสั่งยาถึงประมาณ 1.2 ล้านใบต่อเดือน
ผลการศึกษา 
            กิงโกที่มีต่อร่างกายมนุษย์พบว่าจากกลุ่มตัวอย่างที่ทำการวิจัยจำนวน 34 ราย พิสูจน์แล้วว่ากิงโกไบโลบามีผลต่อระบบการสูบฉีดและการไหลเวียนต่อร่างกายและสมองให้ทำงานได้ตามปกติและมีประสิทธิภาพ กิงโกช่วยเพิ่มผลผลิตของ อะดีโนซัลไตฟอสเฟส (ATP) ซึ่งเป็นโมเลกุลเดียวกับพลังงาน นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างน้ำตาลในสมองและยังป้องกันผนังหลอดเลือดไม่ให้กระด้างอีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างการส่งสัญญาณในระบบสมองและการทำหน้าที่เป็นตัวต่อต้าน อนุมูลอิสระ ซึ่งได้ผลเป็นอย่างมาก    กิงโก ไบโลบา มีผลอย่างมากเกี่ยวกับผู้ที่มีปัญหาหรืออาการโลหิตไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ กิงโกได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกคนชราที่มีปัญหาขี้หลงขี้ลืม คิดและโต้ตอบช้า ที่เรียกว่า Alzheimer’s Disease
            มีผลการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งได้พิสูจน์ว่ากิงโกช่วยให้คนไข้ที่เป็น Alzheimer’s Disease หรือ Parkinson’s Disease มีอาการดีขึ้นจากพบการศึกษากับคนไข้จำนวนทั้สิ้น 25 รายที่เป็น Alzheimer’s Disease หรือ Parkinson’s Disease พบว่ากลุ่มคนไข้ที่รับประทานกิงโกทุกวันเป็นเวลา 1 ปี ได้ผลว่าทุกคนมีอาการดีขึ้น จากการตรวจอย่างละเอียดโดยนายแพทย์ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและใช้ระบบคอมพิวเตอร์ EEG ในการตรวจสอบดังกล่าว

1.เซลฟู้ด (ZELFOOD)

เซลฟู้ด (ZELFOOD)

Dr. Otto  Warburg  นักชีวภาพเคมีได้รับรางวัลโนเบล ปี  1931  เขาเป็นผู้ที่ชี้ให้เห็นว่า  ในภาวะแวดล้อมที่ระดับออกซิเจนมีความเข้มข้นสูง จะสามารถทำให้เซลล์มะเร็งไม่เจริญเติบโต จึงทำให้ลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง
ออกซิเจน คาร์บอน ไฮโดรเจน ไนโตรเจนและกำมะถัน จัดเป็นแร่ธาตุพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับชีวิตทุกชีวิต ถึงแม้แร่ธาตุทุกอย่างจะมีความสำคัญต่อชีวิต แต่ในร่างกายของคนเรา  ธาตุที่มีมากที่สุดก็คือออกซิเจน  ซึ่งใช้ในการเผาไหม้ ทำหน้าที่เป็นยาฆ่าเชื้อโรค ใช้ดับกลิ่น ใช้ทางด้านอนามัยและใช้ในการถนอมอาหาร  หากเราขาดอากาศออกซิเจนเพียงไม่กี่นาที เราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้  การทำหน้าที่ทุกอย่างของร่างกายนั้นถูกควบคุมโดยออกซิเจน  จึงจำเป็นต้องมีการทดแทนรับเพิ่มเข้าสู่ร่างกายอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เป็นเพราะว่า 90 % ของพลังงานชีวิตนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนของออกซิเจนที่จะไปกระตุ้นเซลล์ให้สร้างพลังงานขึ้นมาใหม่ ร่างกายต้องใช้ออกซิเจนในการเผาผลาญสารอาหาร  ขจัดของเสีย และขจัดสารพิษ (โดยออกซิเจนจะไปรวมตัวกับสารเหล่านั้น)  ในสมองก็ต้องการออกซิเจนอยู่ทุกวินาที เพื่อใช้สร้างตัวสื่อในกระบวนการรับรู้  โดยแท้ที่จริงแล้ว  อวัยวะทุกส่วนล้วนแต่มีความต้องการนำออกซิเจนจำนวนมากไปใช้ เพื่อให้อวัยวะต่าง ๆ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  การที่ร่างกายสามารถคิด รู้สึก เคลื่อนไหว กิน นอน หรือแม้กระทั่งพูด ทั้งหมดล้วนได้พลังงานมาจากออกซิเจนทั้งสิ้น
ส่วนประกอบที่สำคัญ
            1.   ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับร่างกาย
            ออกซิเจนเป็นสิ่งที่ช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี เป็นเชื้อเพลิงสำหรับทุกระบบของร่างกายที่ทำปฏิกิริยาให้เกิดไฟเผาผลาญและช่วยขจัดสารพิษและของเสียออกไปจากร่างกาย  อีกทั้ง ช่วยกระตุ้นความสามารถทางชีวะภาพให้เข้าสู้ร่างกายได้  โดยอาศัยคุณสมบัติพิเศษของดิวเตอเรียม  ที่สามารถแยกโมเลกุลของน้ำภายในร่างกายให้แตกตัวแยกออกจากกันได้ แล้วปลดปล่อยให้เนสเซนท์ออกซิเจนและเนสเซนท์ไฮโดรเจนที่มีจำนวนมากออกมาจนล้นเหลือตรงเข้าสู้เซลล์ได้ทันที
  1.            2.Trace Elements and Minerals
เกลือแร่ต่างๆที่ร่างกายมีความต้องการใช้ต่อวัน ประมาณ 100 มิลลิกรัมหรือน้อยกว่า บางอย่าง เช่น ธาตุไอโอดิน ร่างกายมีความต้องการใช้ในจำนวนเพียงเล็กน้อย 0.1 มิลลิกรัม เทานั้น หากร่างกายได้รับไม่เพียงพอ ทำให้สุขภาพเกิดความเสียหายได้

ZELFOOD มีเกลือแร่และแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับร่างกายประกอบอยู่มากมายถึง 78 ชนิด ที่สำคัญดังนี้

.......โครเมียม ---สามารถช่วยให้ร่างกายเผาผลาญน้ำตาล ทำให้มีพลังงานขณะเดียวกันก็ช่วยป้องกันมิให้ท่อหลอดเลือดและอวัยวะต่างๆได้รับความเสียหาย แหล่งของอาหารตามธรรมชาติได้มาจาก  บรูเวอร์ยีสต์ พริกไทยดำ  บล็อกโคลี่ รำข้าวและข้าวจำพวกเมล็ดต่างๆ
  • .......ทองแดง  ---จำเป็นสำหรับการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและการสร้างพังผืดเนื้อเยื่อ และมันยังเกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดสีในผิวหนัง  เมล็ดพืชต่าง ๆ ผลไม้ ถั่วและเม็ด (แข็ง) ของผลไม้
  • .......ไอโอดิน ( I ) ---ต่อมไทรอยด์ใช้ในการสร้างฮอร์โมนต่าง ๆ ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการสร้างความเจริญเติบโตของร่างกาย ใช้ในการสร้างเซลล์ สร้างใยประสาทและสร้างกระดูกและสร้างสุขภาพของจิตให้ดีขึ้น  แหล่งของอาหารตามธรรมชาติได้มาจาก เคพล์ (สาหร่ายทะเลสีน้ำตาลขนาดใหญ่)
  • .......เหล็ก (ใช้ในการสร้างฮีโมโกลบิน โปรตีนที่พาเอาออกซิเจนให้ไหลหมุนเวียนไปทั่วร่างกาย มีส่วนในการสร้างฮอร์โมนบางชนิด สร้างเซลล์พังผืดเนื้อเยื่อ  และสร้างตัวกลางสื่อประสาทสมอง ซ่อมแซมระบบภูมิคุ้มกันชีวิต  แหล่งของอาหารตามธรรมชาติได้มาจาก ถั่ว เม็ด (แข็ง) ผลไม้ ผลไม้ แห้ง เมล็ดพืชต่าง ๆ และพืชผักที่มีใบสีเข้ม
  • .......แมงกานีส ---สารต่อต้านอนุมูลอิสระ มีบทบาทสำคัญด้านปฏิกิริยาเคมีเกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงาน  การสร้างเซลล์ประสาท ช่วยในกระบวนการย่อย การสร้างกล้ามเนื้อให้มีการหดเกร็งตัว  และสร้างกระดูก แหล่งของอาหารตามธรรมชาติได้มาจาก พืชผัก ผลไม้และเมล็ดผลไม้ (เปลือกแข็ง)
  • .......โมลิบดีนัม ---สารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ร่างกายยังคงมีสุขภาพที่ดีด้วยการล้างสารพิษจากโซเดียมซัลเฟตและสารประกอบที่มาจากกำมะถันแหล่งของอาหารตามธรรมชาติได้มาจาก นม ถั่ว ขนมปังและเมล็ดข้าว
  • .......ซิลิเนียม --ช่วยในการป้องกันโรคมะเร็งบางอย่างและโรคหัวใจได้และยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันชีวิตให้กับร่างกายได้ด้วย แหล่งของอาหารตามธรรมชาติได้มาจาก บล็อกโครี่  เห็ด กระหล่ำปี คื่นฉ่ายฝรั่ง แตงกวา หัวหอม และหัวกระเทียม
  • .......สังกะสี ---มีส่วนในการสร้างโครงสร้างของร่างกายและการสร้างเครือข่ายของเซลล์  เช่นเดียวกับการสร้างเอนไซม์ต่าง ๆ มากกว่า  200  ชนิดนอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการสมานแผล  
          3สารละลายทางไฟฟ้า
  • .......ช่วยพยุงกระแสไฟฟ้าในระบบที่เป็นสารแขวงลอยตัวตามธรรมชาติของร่างกายเอาไว้ให้คงที่ได้อย่างมั่นคงรวมถึงในเลือดด้วย
  • .......ช่วยส่งกระแสไฟฟ้าที่มีประจุลบที่แยกตัวออกจากสารละลายให้กับเซลล์เม็ดเลือดแดงเพื่อฟื้นฟูเม็ดเลือดแดงให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่
สำหรับใช้ภายใน     -    ผสม 8 หยด ในน้ำ  1 แก้ว วันละ  3  ครั้ง

ส่วนผสมสำหรับใช้ภายนอก
  • .......ZELFOOD สามารถใช้กับผิวหนังภายนอกได้ แบบเข้มข้นใช้กับหูด ไฝ ตาปลา  แผลเป็น แผลถลอกหรือฟกช้ำดำเขียว  ฯลฯ
  • การใช้แบบเจือจางกับน้ำกลั่น
  • 1  :10 ส่วน ใช้กับผื่นบนผิวหนังหรือลมพิษ
  • 1  20ส่วน ใช้กับบาดแผลเปิด